บทความนี้ผมเขียนให้สำหรับท่านที่มีความกังวลในปัญหาที่ว่าฟันผุ หรือฟันแตกใหญ่แบบนี้ จะต้องถอนหรือไม่ หรือยังอุดได้อยู่ ด้วยความที่ฟันบางซี่ถ้าถอนไปก็คงทานอาหารได้ลำบาก หรือถ้าถอนออกไปฟันจะหลอ ไม่กล้ายิ้มให้ใครเห็น ทำให้หลายๆท่านตัดสินใจว่าอย่างงั้นให้ฟันมันอยู่แบบผุๆ แตกๆ แบบนี้ไปก่อน อย่างน้อยก็ยังใช้เคี้ยว ใช้ยิ้มได้ ไว้ถ้ามันปวด หรือหักเดี๋ยวค่อยไปให้หมอฟันช่วยอุดให้ก็แล้วกัน
จริงๆแล้วปลายทางของการปฏิบัติตัวแบบข้างต้น มักจะจบลงด้วยการถอนฟันจากการปวดหนักขึ้น โยก เคี้ยวโดนฟันแล้วปวดเนื่องจากมีหนอง และของเสียสะสมบริเวณปลายรากฟันจำนวนมาก หรือฟันหักเหลือแต่ตอ เนื่องจากโครงสร้างของฟันที่แข็งแรงสามารถใช้งานได้จริงแทบไม่เหลือแล้ว ถ้าหากคุณหมอสามารถเก็บฟันซี่นั้นไว้ได้ก็จะต้องทำการรักษาหลายขั้นตอน และราคาสูงกว่าการทำฟันโดยทั่วไป คือการรักษารากฟัน ปักเดือยฟัน และการทำครอบฟัน เป็นต้น และแม้ว่าคนไข้จะโชคดีมากเพราะฟันยังสามารถอุดได้อยู่ การอุดฟันซี่ดังกล่าวก็จะต้องใช้เวลายาวนาน และมีโอกาสมีปัญหาตามมามากกว่าปกติ
หากจะให้เปรียบเทียบในส่วนของราคา สำหรับการขูดหินปูน กับอุดฟันมักจะอยู่ที่หลักร้อย ถึงหลักพันต้นๆ ส่วนการรักษาแบบซับซ้อนอย่างการรักษารากฟัน ปักเดือยฟัน และทำครอบฟันรวมๆแล้ว ต่ำสุดก็มีราคาหลายหมื่นบาทเข้าไปแล้ว
แล้วควรทำอย่างไรดี!?จริงๆแล้วทุกท่านน่าจะเคยได้ยินหมอฟันแนะนำให้มาขูดหินปูนทุกๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี (โดยบางท่านที่มีสิทธิประกันสังคมสามารถมารับการรักษาฟรีจำนวน 900 บาทต่อปีด้วยนะครับ) ซึ่งการมาขูดหินปูนนอกจากจะทำให้คนไข้ห่างไกลจากโรคเหงือก และมีช่องปากที่สะอาด ยิ้มได้มั่นใจแล้ว การที่คนไข้มาขูดหินปูนยังช่วยให้หมอฟันสามารถตรวจพบฟันที่เริ่มมีปัญหาเล็กน้อยและสามารถทำการรักษาได้ทันท่วงทีในราคาเบาๆ เช่น การอุดฟันก่อนที่ปัญหานั้นจะส่งผลเสียร้ายแรงต่อฟันและต้องจ่ายค่ารักษาที่ซับซ้อนในราคาสูง หรือจนกระทั่งต้องถอนฟันซี่นั้นออกไป
แต่ตอนนี้ฟันที่ผุใหญ่ หรือแตกไปแล้ว เอาอย่างไรดี?หากฟันที่ผุ หรือแตกไม่ใหญ่มากนัก และยังไม่เคยมีอาการใดๆ เช่น เสียว หรือ ปวด ในลักษณะนี้มีลุ้นว่าสามารถอุดอย่างเดียวถ้าเนื้อฟันที่เหลือหลังจากทำความสะอาดเนื้อฟันผุออกยังหนาเพียงพอที่จะรับแรงบดเคี้ยวโดยวัสดุอุดใหม่ หรือเนื้อฟันที่เหลือไม่แตก ส่วนกรณีที่เนื้อฟันที่แข็งแรงเหลือน้อยจำเป็นต้องทำครอบฟันร่วมด้วยเพื่อช่วยในการกระจายแรง และปกป้องตัวฟันที่เหลือ ส่วนฟันที่ผุ, แตกใหญ่ๆ หรือเคยมีอาการเสียว หรือปวดฟันมาแล้ว (เคยปวดแต่ตอนนี้ไม่ปวดแล้ว ให้นับว่าซี่นั้นมีอาการนะครับ) แปลว่าซี่นั้นๆ มีความเสียหายจนทะลุโพรงประสาทฟัน ในกรณีนี้ไม่สามารถอุดฟันอย่างเดียวได้ เพราะจะทำให้อาการปวดเป็นหนักมากขึ้นเพราะการอุดฟันทำให้ทางระบายของเสีย และความดันจากข้างในโพรงประสาทฟันทางด้านบนถูกปิดไป ของเสีย และความดันต่างๆจะลงไปอัดกันบริเวณด้านในตัวฟันและปลายรากมากขึ้น ไม่สามารถออกไปได้ ทำให้ยิ่งปวดฟันหนักมากขึ้นไปอีก หากต้องการรักษาฟันในลักษณะข้างต้นนี้จำเป็นต้องทำการรักษารากฟัน รวมไปถึงการปักเดือยฟัน หรือทำครอบฟันเพื่อป้องกันไม่ให้ฟันซี่นั้นๆ มีอาการปวดในอนาคต และสามารถใช้งานได้ตามปกติต่อไป
งั้นถอนออกเลย ให้จบๆไปจริงอยู่ที่การถอนฟันเป็นวิธีที่ง่าย เร็ว และถูกที่สุด แต่สิ่งที่ต้องแลกมาจากการถอนฟันคือ ไม่มีฟันไว้ใช้งาน ทานอะไรก็จะตกไปบริเวณที่ไม่มีฟัน เคี้ยวลำบาก ฟันซี่อื่นรอบๆช่องว่างที่เกิดขึ้นจากการถอนฟันก็จะล้มลงเข้าหาช่องว่างทำให้เคี้ยวอาหารลำบากขึ้น ส่วนฟันที่กัดสบบริเวณฟันซี่ที่ถอนออกไปก็จะงอกเข้ามาที่ช่องว่างซึ่งอาจจะไปขัดขวางการเคี้ยว และอ้าปากปิดปากเพราะไปชนกับฟันซี่อื่นๆ หากในอนาคตอยากจะใส่ฟันปลอม หรือรากฟันเทียมบริเวณดังกล่าวอาจจะต้องถอนฟันซี่ที่ล้ม หรืองอกออกไปเพื่อไม่ให้ขัดขวางการใส่ฟันปลอม ดังนั้นหากเลือกที่จะถอนฟันแล้วไม่อยากมีปัญหาตามมาจะต้องใส่ฟันปลอมแบบถอดได้ หรือฝังรากเทียมทดแทนฟันบริเวณที่ถอนออกไปก่อนจะเกิดปัญหา
ยาวไปละ หมอสรุปมาให้หน่อย ว่าทำอย่างไรดีสรุปสั้นๆ คือมีปัญหาอะไรรับเข้ามาให้หมอตรวจเถอะครับ เดี๋ยวจะบอกให้ครับว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่หลักการประเมินเบื้องต้นคือ 1.ไม่ปวด ไม่ใหญ่ อุดได้ 2.ไม่ปวด ใหญ่ ทำครอบฟัน 3. ไม่ปวด แต่ แตกใหญ่ ผุลึกใกล้โพรงประสาทฟัน หรือปวด รักษารากฟัน ปักเดือยฟัน ทำครอบฟัน 4.ฟันแทบไม่เหลือ โยกหนัก ถอนแล้วใส่ฟันปลอม หรือฝังรากเทียม สุดท้ายนี้ปลอดภัยที่สุดคือเข้ามาตรวจฟัน ขูดหินปูนตอนที่ไม่มีปัญหา หรืออาการใดๆทุก 6 เดือนถึง 1 ปี ดีกว่าครับเจอฟันผุเล็กๆจะได้รีบอุด เพราะจริงๆแล้วฟันที่คนไข้สังเกตได้ด้วยตัวเองว่าผุมักจะเป็นฟันที่ผุขนาดใหญ่ และต้องใช้การรักษาที่ซับซ้อนเสมอเลยครับ ด้วยความห่วงใย หมอฉาน ทพ.ตะวันฉาน ดีอินทร์